อาการก่อนคลอด แม่ท้องจะรู้ได้ยังไง มีอะไรบอกได้บ้าง ?

เมื่อถึงเวลากำหนดครบการตั้งครรภ์ หรือช่วงที่ใกล้คลอด การที่แม่ท้องจะมี อาการก่อนคลอด เป็นเรื่องปกติที่สามารถพบได้ค่ะ แต่อะไรบ้างที่บอกได 

 1016 views

เมื่อถึงเวลากำหนดครบการตั้งครรภ์ หรือช่วงที่ใกล้คลอด การที่แม่ท้องจะมี อาการก่อนคลอด เป็นเรื่องปกติที่สามารถพบได้ค่ะ แต่อะไรบ้างที่บอกได้ ต้องไปดูกันชัด ๆ เพราะบางอย่างบางอาการ ก็ไม่สามารถระบุได้อย่างครบถ้วน ถ้าอย่างนั้น Mamastory จะพาไปดูเองค่ะ ว่าในช่วงเวลานั้น อาการก่อนคลอดแบบไหนบ้าง ที่แม่ท้องควรจะรีบไปโรงพยาบาล

อาการก่อนคลอดเป็นอย่างไร ?

เริ่มต้นเลย เวลาที่คุณแม่เริ่มมีอาการเจ็บท้องเตือน หรือกระบวนการที่ร่างกาย เกิดเป็นการบีบรัดมดลูกอย่างหนักหน่วง ที่แม่บางรายอาจจะมีอาการคล้ายกับ “ปวดประจำเดือน” แต่อาการจะถี่ขึ้น และเจ็บมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยอาการนี้จะเป็นเหมือนสัญญาณเตือน ว่าใกล้ถึงเวลาที่จะคลอดแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรเตรียมตัวให้พร้อม

อาการก่อนคลอด



โดยส่วนใหญ่แล้วหลังจากที่มีอาการ เจ็บท้องเตือน คุณแม่ส่วนใหญ่จะใช้เวลาราว 2 สัปดาห์ ก่อนที่จะเจ็บคลอดจริง ๆ ซึ่งหากรู้สึกว่าอาการเริ่มหนักขึ้น หรือรู้สึกกังวลว่า ถ้าอยู่บ้านต่อไป อาจจะไม่ปลอดภัย ควรรีบไปโรงพยาบาลทันที เพื่อความปลอดภัยของแม่ และลูกในครรภ์ค่ะ ซึ่งแม่ท้องโดยส่วนใหญ่ จะมีอาการต่อไปนี้ เมื่อถึงเวลาก่อนคลอด

1. มีมูกไหลออกมา

ในช่วง 7-14 วัน ก่อนที่จะมีอาการเจ็บท้องคลอด ในช่วงนั้นคุณแม่บางราย อาจจะมีมูกใส ๆ ออกมาจากช่องคลอด ซึ่งเป็นเรื่องปกติค่ะ ยังไม่จำเป็นต้องกังวล แต่ถ้าหากมูกดังกล่าว เริ่มมีสีน้ำตาลหรือสีที่เข้มขึ้น หรือที่รู้จักในชื่อ “มูกปนเลือด” แสดงว่าคุณแม่อาจจะคลอดเร็วกว่ากำหนด อาจจะใช้เวลา 1-3 วัน หรือบางราย อาจจะคลอดในไม่กี่ชั่วโมง เพราะมูกที่สีคล้ำขึ้น เป็นสัญญาณที่บอกว่า ปากมดลูกเริ่มเปิดแล้วค่ะ

บทความที่เกี่ยวข้อง : ทำไมท้องแล้วมี มูกปนเลือด ใช่มูกเลือดก่อนคลอดหรือเปล่า ? อันตรายไหม ? 

2. ถุงน้ำคร่ำแตก

อาการถุงน้ำคร่ำแตก หรืออาการน้ำเดิน เป็นการบีบตัวเล็กลงของมดลูก เพื่อปรับให้ศีรษะเด็กเคลื่อนที่ โดยจะมาอยู่บริเวณอุ้งเชิงกรานของแม่ท้อง โดยน้ำที่ออกมาจะมีลักษณะใส ไร้กลิ่น สามารถมีได้ทั้งการไหลรวดเร็วในปริมาณมาก หรือค่อย ๆ ไหลออกมาก็ได้ค่ะ ซึ่งโดยปกติแล้วเมื่อมีอาการนี้ คุณแม่ส่วนใหญ่จะคลอดภายใน 12 ชั่วโมงค่ะ ดังนั้นเมื่อรู้สึกว่าถุงน้ำคร่ำแตก ควรจะรีบไปโรงพยาบาลเป็นทันที !

3. รู้สึกถึงการหดตัว

อาการนี้เป็นหนึ่งในการบอก ว่าถึงเวลาใกล้คลอดแล้ว โดยแม่บางคนอาจจะรู้สึกว่าปวดท้องหนักมาก ซึ่งอาการนี้จะมาพร้อมกับอาการ ปากมดลูกเปิด ซึ่งก่อนที่จะคลอดได้ ก็ยังคงต้องรอดการเปิดของช่องคลอดค่ะ เพื่อให้แม่และเด็กปลอดภัยที่สุด แต่ถ้าหากแม่บางรายที่ปวดมาก แต่ปากมดลูกยังไม่เปิดสักที อาจจะต้องหาวิธีบรรเทาการปวด โดยแจ้งกับแพทย์ผู้ดูแล หรือหาวิธีลดปวดด้วยวิธีอื่นพลาง ๆ

4. อาการท้องเสีย

ในช่วงก่อนคลอด แม่ท้องบางรายอาจจะมีอาการถ่ายเหลว หรือมีอาการท้องเสีย จากการที่ร่างกายมีการสร้าง “ฮอร์โมนโพรสตาแกลนดิน (Prostaglandin)” ที่ช่วยให้มดลูกขยายตัว เปิดกว้างขึ้นเพื่อเตรียมคลอด ซึ่งส่งผลต่อการขับถ่ายเช่นกัน แต่ที่ต้องระวังเป็นอย่างมากก็คือ หากแม่ท้องมีอาการถ่ายเหลวบ่อย อาจทำให้ร่างกายขาดน้ำ ที่อาจเป็นการกระตุ้นการคลอดอีกทางหนึ่ง

5. ปัสสาวะบ่อยขึ้น

โดยปกติแล้ว คุณแม่ที่ท้องแก่จะเริ่มมีการ ปัสสาวะบ่อยขึ้นกว่าเดิม โดยที่บางรายอาจมีอาการท้องเสียร่วมด้วย โดยอาการนี้เกิดจากปากมดลูกที่เคลื่อนตัวลงไปต่ำ จนกดกระเพาะปัสสาวะและบริเวณทวารหนัก ทำให้คุณแม่อยากเข้าห้องน้ำบ่อยขึ้น และท้องเสียได้ง่ายกว่าเดิม ซึ่งอาการเหล่านี้ จะเกิดในช่วงก่อนคลอด 2-7 วัน บางครั้งอาจมีอาการอาหารไม่ย่อย จนกลายเป็นกรดไหลย้อนได้ด้วยค่ะ

6. มีเมือก หรือเลือดไหลที่ช่องคลอด

โดยปกติแล้วในช่วงการตั้งครรภ์ ร่างกายจะสร้างเมือกคล้ายตกขาวขึ้น เพื่อป้องกันเชื้อโรค และสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่มดลูก ซึ่งเป็นกลไกป้องกันของการตั้งครรภ์ เมื่อใกล้คลอด ร่างกายจะปรับเปลี่ยน ให้มดลูกเริ่มบางลง และเปิดมากขึ้นเพื่อเตรียมคลอด จนเมือกดังกล่าวไหลออกมาได้ ซึ่งบางครั้งเส้นเลือดใกล้ปากมดลูก อาจมีการแตกและไหลออกมาเป็นสีแดง หรือสีชมพูผสมได้ค่ะ

7. ปวดหลัง

นับเป็น 1 ใน 3 อาการที่พบได้บ่อย ในคุณแม่ที่ใกล้จะคลอด เกิดจากการต้องรองรับน้ำหนักทารก ตลอดการตั้งครรภ์ 9 เดือน ซึ่งในช่วงใกล้คลอด คุณแม่อาจจะรู้สึกปวดมากขึ้น เนื่องจากทารกเริ่มมีการเคลื่อนไหวมากขึ้น และศีรษะของทารก อยู่ใกล้บริเวณกระดูกสันหลังของคุณแม่ ทำให้มีอาการปวดที่เพิ่มขึ้นค่ะ ซึ่งหากปวดรุนแรงมาก อาจเป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนคลอดได้เลยค่ะ

8. ท้องเคลื่อนต่ำ หรือท้องลด

ในช่วง 2-4 สัปดาห์ ก่อนวันกำหนดคลอด ทารกจะเริ่มเคลื่อนที่ลงต่ำ โดยเข้าใกล้บริเวณเชิงกราน จนกลายเป็นอาการท้องเคลื่อนต่ำ ทำให้ขนาดท้องดูเหมือนเล็กลง ข้อดีคือคุณแม่อาจจะรู้สึกอึดอัดที่น้อยลง หายใจได้สะดวกกว่าเดิม แต่เป็นกรณีที่หาได้ค่อนข้างยาก อาจพบได้ไม่มากนัก คุณแม่จึงควรหมั่นสังเกตอาการอื่นร่วมด้วยค่ะ !

อาการก่อนคลอด



9. คลื่นไส้ อาเจียน

จริงอยู่ที่ช่วงแรกของการตั้งครรภ์ คุณแม่หลายคนจะรู้สึกถึงอาการแพ้ท้อง หรืออาการคลื่นไส้ อาเจียนที่ค่อนข้างบ่อย และในแม่บางคนอาจมีอาการคล้ายกันนี้ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ได้ด้วยค่ะ ซึ่งแม่ท้องอาจจะรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของลำไส้ อาการปวดเกร็ง หรืออาการอาหารไม่ย่อย จนกลายเป็นความคลื่นไส้ อยากอาเจียนได้ในเวลาต่อมา

10. ปากมดลูกเปิด

ในร่างกายของผู้หญิงแล้ว ปกติมดลูกจะมีขนาดเล็ก ไม่ได้ใหญ่มากจนเกินไป แต่เมื่อเกิดการตั้งครรภ์ขึ้น ร่างกายจะขยายมดลูกใหญ่ขึ้น จนสามารถเป็นที่อยู่ของทารกในครรภ์ได้ และปากมดลูกปิดสนิท เพื่อกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่เมื่อใกล้คลอด ร่างกายจะเปลี่ยนแปลงอีกครั้งเพื่อเตรียมคลอด โดยปากมดลูกจะเริ่มอ่อนนุ่ม บางลง และสั้นลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งเปิดขยายกว้างขึ้นเต็มที่ ประมาณ 10 เซนติเมตร เพื่อให้ทารกคลอดออกมาได้สำเร็จ

บทความที่เกี่ยวข้อง : ปากมดลูกเปิด สัญญาณที่ควรรู้ เปิดแล้วนานแค่ไหนกว่าจะคลอด !

นอกจากอาการทั้ง 10 ข้อข้างต้นที่ได้กล่าวไปแล้ว แม่ท้องบางราย อาจจะมีอาการอื่น ๆ เกิดขึ้นกับร่างกายร่วมด้วยค่ะ ซึ่งบางรายอาจจะมีอาการคล้ายกับตอนเป็นประจำเดือน เช่น นอนไม่หลับ หลับยากกว่าปกติ อารมณ์แปรปรวนกว่าเดิม หงุดหงิดง่ายขึ้น ซึ่งเป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ความเล็กน้อยเหล่านี้ สามารถเกิดขึ้นได้จริง แต่แม่ท้องควรสังเกตอาการอื่นร่วมด้วย หากมีความกังวลว่าจะเป็นอันตราย ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อความปลอดภัยค่ะ

อาการที่ต้องพบแพทย์ทันที

  • คลื่นไส้และอาเจียนบ่อย เป็นเวลานาน โดยที่ไม่หยุด
  • ลูกดิ้นน้อยกว่าปกติ หรือลูกหยุดดิ้นเป็นเวลานาน
  • น้ำคร่ำสีแปลกไป ไม่ใช่สีขาว ไม่ใช่สีชมพู
  • เลือดไหลที่ช่องคลอดต่อเนื่อง เป็นเวลานาน และปริมาณไม่ลดลง

ซึ่งอาการเหล่านี้ เป็นอาการผิดปกติที่ควรรีบพบแพทย์ ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ หรือช้าเกินไป เพื่อความปลอดภัยของทั้งแม่ และลูกน้อยในครรภ์ หากมีอาการที่น่ากลัว หรือรู้สึกว่าผิดปกติกับตัวเอง ควรรีบเตรียมพร้อมไปโรงพยาบาลทันทีค่ะ

อาการก่อนคลอด



ทั้งหมดนี้ เป็นอาการก่อนคลอด ที่แม่ท้องหลายคนอาจต้องเจอ โดยเฉพาะคุณแม่ที่รู้สึกว่าเจ็บเตือนบ่อย หรือมีอาการข้างต้นเกิน 2-3 ข้อ ให้รู้ตัวได้เลยค่ะ ว่าอีกไม่นานเบบี๋จะออกมาวิ่งเล่นแล้ว อาจจะด้วยความกังวลใจ หรืออารมณ์ที่ไม่มั่นคงในช่วงนี้ คุณแม่ไม่ควรอยู่ตัวคนเดียวเลยนะคะ ควรหาคนอยู่ด้วยตลอดเวลา เผื่อเกิดเหตุไม่คาดคิด คลอดกะทันหัน จะได้ไม่ตื่นตระหนกจนเกินไปค่ะ !

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

7 สัญญาณเตือนก่อนคลอด มีอาการอะไรบ้างที่คุณแม่ห้ามพลาด

5 สัญญาณคลอดก่อนกำหนด แม่ท้องรู้ไว้ จะได้รับมือทัน!

ครรภ์เสี่ยง ภาวะที่แม่ท้องควรรู้ ที่อาจส่งผลต่อแม่และทารกในครรภ์

ที่มา : 1